Credit: Sukbar Chinese Translation: 绿小茶
English Translation: Springsuk_USA, Aphrael and tenshi_akuma
Thai Translation: Kate K-Gang (@kate_K_gang)
www.jangkeunsukthailand.com"
เวลา 20 ปีช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่หน้ากล้อง จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น จากวัยรุ่นสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว Cri-J ฉบับนี้เจาะลึกชีวิตการแสดงกว่า 20 ปีของนักแสดงจางกึนซ็อก เขาทำการเลือกผลงานที่ดีที่สุดของตัวเองจำนวน 10 เรื่องเพื่อให้เราเห็นพัฒนาการทางการแสดงตลอดระยะเวลา 20 ปีของจางกึนซ็อก เขาพูดถึงตัวเองทั้งบุคลิกและความรู้สึกในฐานะนักแสดงจางกึนซ็อก
ฮวาง จิน ยี
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
"ความรู้สึกเอาจริงเอาจังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมรับเล่นละครเรื่องนี้ครับ ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว นักแสดงที่เข้าวงการตั้งแต่เด็กเหมือนผมมักจะถูกตราหน้าว่าเป็นดาราเด็กอยู่เสมอไม่ว่าพวกเขาจะคาดหวังให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม ถ้าผมอยากจะเป็นนักแสดงต่อไป ผมจะต้องกำจัดเรื่องนี้ออกไปซะก่อน แต่ถ้าผมไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง... สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมได้รับการยอมรับในฐานะ “นักแสดงหนุ่มคุณภาพ” คือการพิสูจน์ให้เห็นพัฒนาการด้านทักษะการแสดงของผม อย่างไรก็ตาม “ฮวาง จิน ยี” ถือเป็นก้าวแรกที่เปิดทางให้ผมเติบโตเป็นนักแสดงผู้ใหญ่อย่างเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ละครเรื่องนี้มีความหมายสำหรับผมมาก ในช่วงอายุ 20 ไม่มีทางเลือกมากนักที่จะเลือกละครที่ใช่สำหรับตัวเอง ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วน ผมคว้าทุกโอกาสในการออดิชั่น ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง ไม่มีทางที่ผมจะไม่ทำ เพราะเหตุนี้ผมจึงระมัดระวังและกระตือรือร้นอย่างมากในการเตรียมตัวรับบท... แต่ถึงอย่างไร ผมจะทำก็ต่อเมื่อผมอยากทำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคาแรคเตอร์ของยุนโฮจากเรื่องฮวาง จิน ยี และจางกึนซ็อกยังคงอยู่มีตัวตนอยู่ทั้งคู่"
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
"ความเป็นไปได้ในการเป็นนักแสดงผู้ใหญ่ ไม่ใช่ในฐานะดาราเด็ก ในตอนนั้นผมทุกข์ใจกับการเป็นนักแสดงมาก... อาจเป็นเพราะผมเพิ่งเลิกกับแฟนในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ผมปวดใจอย่างมาก ตอนที่เล่นบทยุนโฮ ผมใช้สถานการณ์ในตอนนั้นอินกับบทบาทที่ได้รับ เพราะงั้นผมจึงสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างสมจริง ไม่ใช่การแสดงไปตามบท ในฐานะที่เป็นนักแสดง ประสบการณ์เป็นสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ครับ"
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
"ในตอนนั้น ผมรู้สึกว่าไม่มีที่พักใจสำหรับตัวผมเลย ดังนั้นสิ่งเดียวที่อยู่ในใจผมก็คือการแสดง ผมใส่ความเป็นตัวเองทั้งหมดลงไปในละครเรื่องนี้ แล้วผมจะเสียใจได้ไงล่ะ? ถ้าผมสามารถเลือกได้จริงๆ ผมว่ายุนโฮตายเร็วไปมั๊ยอ่ะ? (หัวเราะ) ผมอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อเพื่อปกป้องฮวางจินยีไปจนตลอดรอดฝั่ง"
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
ก่อนตาย ยุนโฮพูดว่า “ผมไม่เสียใจที่ชีวิตของผมสั้นกว่าคนอื่น...” ยุนโฮรู้สึกว่าการเผชิญหน้ากับความตายเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ผมยังจำความรู้สึกของเขาได้จนถึงทุกวันนี้ มันประทับอยู่ในใจของผมเสมอครับ
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ผมรู้สึกว่าจางกึนซ็อกในตอนนั้นทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ด้วยความเอาจริงเอาจัง ถ้าผมมีโอกาสได้เล่นละครเรื่องนี้อีกครั้ง มันจะเป็นแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ในการเป็นนักแสดงครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากที่ผมคว้าจินยีเอาไว้ขณะที่เธอกำลังจะตกจากการเดินไต่เชือก มันเป็นฉากจูบนะ แต่ผู้กำกับจ้องหน้าผมแล้วก็บอกว่าผมดูเหมือนคนติดยาเลย.. (หัวเราะเต็มที่) หลังจากนั้นเขาก็แซวผมตลอด แม้กระทั่งตอนนี้เวลาที่ผมได้ดูฉากนั้นทีไรผมก็หัวเราะทุกที
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
เปรียบเทียบกับละครเรื่องอื่นๆ ซึ่งผมมุ่งมั่นแสดงด้วยพลังทั้งหมดที่มีของผม ในตอนนั้นผมได้รับบทนี้แบบฉุกละหุกมาก ผมพยายามนึกถึงประสบการณ์และความรู้สึกเศร้าเสียใจหลังจากที่เลิกกับแฟนแล้วนำประสบการณ์นั้นมาแสดงออกในละครเรื่องนี้ครับ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว ฮวางจินยีหมายถึงอะไร?
ในตอนนั้นการแสดงของจางกึนซ็อกยังไม่มีวุฒิภาวะ และเรื่องนี้ก็เป็นละครที่จางกึนซ็อกยังแสดงได้ไม่ดีนัก แต่ก็ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ด้วยแรงบันดาลใจอย่างถึงที่สุด
ฮง กิล ดอง
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
ตัวละครชางฮวีและความเป็นละครแนวย้อนยุคที่ค่อนข้างร่วมสมัยครับ ถึงจะมีละครแนวย้อนยุคอยู่หลายเรื่อง แต่ละครย้อนยุคร่วมสมัยแบบนี้ยังเป็นอะไรที่ใหม่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกท้าทาย ตอนนั้นมีบางคนกังวลว่ามันเร็วเกินไปสำหรับผมที่จะเล่นละครย้อนยุค แต่ถึงยังไงผมก็รู้สึกสนใจอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว ผมไม่หยุดจิตวิญญาณแห่งความท้าทายของผมหรอกครับ (หัวเราะ) แน่นอน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ตัวละครที่ผมรับบท (ชางฮวี) นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากอยู่แล้วครับ
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
ผมได้เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ตัวละครที่ผมเล่นในหลายๆ แง่มุมที่แตกต่างกันครับ ตามปกติแล้ว เสื้อผ้าหน้าผมเกือบทั้งหมดจะถูกกำหนดไว้แล้วในละครย้อนยุค แต่เพื่อทำให้เป็นละครย้อนยุคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผมอยากจะลบภาพลักษณ์แบบเดิมๆ ออกไป อันที่จริง มันเป็นละครเรื่องแรกที่ผมเริ่มให้ความสำคัญไม่เพียงแค่การแสดงเท่านั้น แต่ยังคิดต่อว่าผมจะทำยังไงให้บทที่ได้รับมันสมจริงที่สุด ผมได้เรียนรู้วิธีที่จะต่อยอดการแสดงของผม เราเรียกละครเรื่องนี้ว่าเป็นละครแนวย้อนยุคร่วมสมัย แต่อันที่จริงแล้วมันก็ยังเป็นละครแนวย้อนยุคนั่นแหล่ะ การเขียนอายไลเนอร์เป็นการแหกกฎของละครแนวนี้ แต่ผมคิดว่ามันจะช่วยทำให้ตัวละครดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แน่นอนครับ มันเป็นไอเดียของผมเองแหล่ะในการเขียนอายไลเนอร์และการทำผมทรงนั้น
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
การถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่บนภูเขาและเมืองชนบท ซึ่งอากาศหนาวมาก... แค่การเทียวไปเทียวมาสถานที่ถ่ายทำผมก็เหนื่อยแล้ว ผมตระหนักได้เลยว่าสิ่งที่ผมต้องมีไม่ใช่แค่ทักษะการแสดงอย่างเดียวแล้วล่ะ แต่ผมต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย ผมอยากรู้เหมือนกันว่า จะเป็นยังไงถ้าการถ่ายทำอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้ เป็นการดีนะครับที่ได้เล่นบทหล่อๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ผมไม่สนุกกับการถ่ายทำเลย
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“ฆ่าเขาซะ” บทของชางฮวีนั้นมีบทพูดสั้นๆ เยอะมาก แต่บทพูดสั้นๆ เหล่านั้นต้องแสดงความรู้สึกของชางฮวีด้วย เป็นอะไรที่ยากนิดนึง เราไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าบทพูดยาวๆ เป็นสิ่งที่ยากและบทพูดประโยคสั้นๆ นั้นจะง่าย
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
มันเป็นละครเรื่องแรกที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญแค่การแสดงเท่านั้น ดังนั้นผมจึงอยากจะเพิ่มภาพเทคนิคเสมือนจริงให้มากขึ้นครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
เป็นเรื่องเศร้าที่ชางฮวีได้รู้ว่าดาบที่เขาตามหาอย่างไม่คิดชีวิตนั้นไม่ใช่ของจริง มันทำให้ผมสะเทือนใจมากตอนที่อ่านบท เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเต็มไปด้วยความว่างเปล่าตอนที่เล่นบทนี้
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ชางฮวีนั้นมีฉากอยู่ไม่มากนักในละครเรื่องนี้ แต่ผมก็ทำงานหนักมากเพื่อแสดงให้เห็นว่าการแสดงของจางกึนซ็อกอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน โชคดีของการทำงานอย่างหนักก็คือบทบาทของผมในเรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ในทางที่ดีกว่านักแสดงคนอื่นๆ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว ฮงกิลดองหมายถึงอะไร?
มีทั้งความกดดันและความเจ็บปวดอย่างยิ่งแต่ผมก็ไม่ท้อถอย จนในที่สุดผมก็เล่นบทนี้ได้สำเร็จ ละครเรื่องนี้มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดของจางกึนซ็อกครับ
Beethoven Virus
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
ปกติแล้ว ภาพลักษณ์ของปรมาจารย์ทางดนตรีที่มีชื่อเสียงจะต้องดูมีอำนาจและเย่อหยิ่ง แต่ผมคิดว่าการเล่นบทนี้ผมสามารถขจัดอคติที่ว่านี้ไปได้ ในละครเรื่องนี้ ผมตัดผมสั้นและคิดว่าผมสามารถแสดงด้านแมนๆ ให้ทุกคนเห็นได้เหมือนกัน
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
ผมค้นพบว่าไม่ใช่แค่รับบทเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อเท่านั้น แต่ผมยังสามารถเล่นบทแมนๆ แบบผู้ใหญ่ได้ด้วย ก่อนหน้านั้น ผมถูกมองว่าเป็นเด็กหนุ่มหน้าสวยรูปร่างบอบบาง แต่ในละครเรื่องนี้ ผมพยายามเปลี่ยนแปลงสไตล์ของตัวเองครั้งใหญ่ พยายามสร้างคาแรคเตอร์ที่ดูเข้มแข็งแบบผู้ชาย และผมก็ได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่ คิม มยอง มิน ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกเป็นห่วง แต่ผมก็มั่นใจว่าผมจะไม่ถูกกลบรัศมีและสามารถแสดงให้ดีได้ด้วยครับ
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
ตามปกติแล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดจะคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ และเราก็ค่อยๆ ยอมรับมันช้าๆ เช่นกัน แต่ผมว่าผมคงรีบร้อนไปหน่อย ผมอยากจะโตเร็วเกินไป ผมตัดผมสั้น ไว้เครา และพูดด้วยโทนเสียงต่ำ แต่ถึงยังไง ผมก็อายุแค่ 23... เพิ่งผ่านมา 3 ปีเอง ทำไมผมถึงใส่เสื้อผ้าที่ดูไม่เข้ากับอายุของผมขนาดนั้น? บางทีผมอาจจะแค่ต่อสู้กับกาลเวลา มันจะเป็นยังไงนะถ้าผมทำตัวสบายๆ และรู้สึกยืดหยุ่นกับบทมากกว่านี้?
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“ผมคือวาทยากร!” ผมว่าผมได้แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของผมในฉากนี้ ผมดูเหมือนวาทยากรจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ถึงตอนนั้น ผมคงได้เล่นบทที่รุ่นพี่คิม มยอง มิน เคยเล่นไว้แล้วล่ะ... แต่ไม่ว่าจะยังไง ถ้าผมได้เล่นละครเรื่องนี้อีก ผมจะแสดงให้รู้สึกสบายๆ กว่านี้ครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ผมว่าไม่มีฉากไหนเศร้านะ ฉากสุดท้ายที่ผมควบคุมวงออเคสตร้าในสวนเป็นอะไรที่สนุกที่สุด ผมแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผมยังจำวันนั้นและอากาศที่อบอุ่นแบบนั้นได้แม้กระทั่งตอนนี้ครับ
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ผมมีความทะเยอทะยานสูงมาก ดังนั้นผมจึงทำงานหนักมากๆ และพยายามแสดงออกมาให้ดีที่สุด แต่ตามเนื้อเรื่อง ผู้คนส่วนใหญ่เทความสนใจไปที่บทปรมาจารย์ทางดนตรีที่รุ่นพี่คิมมยองมินเล่น... มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้นะครับ แต่ผมก็ยังแอบหวังว่าความพยายามของผมจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้บ้าง แทนที่จะโยนผ้าขาวยอมแพ้ จางกึนซ็อกกลับพยายามอย่างหนักจนจบเรื่อง ผมยังเห็นตัวละครได้รับคำชื่นชมจนถึงทุกวันนี้... ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันจำเป็นที่จะต้องมีความรู้สึกตึงเครียดในละครบ้าง แต่ในตอนนั้นผมยังเด็กเกินไป ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะผู้ชมให้ความสนใจรุ่นพี่คิมมยองมินเพียงคนเดียวเท่านั้น
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว Beethoven Virus หมายถึงอะไร?
มันเป็นความเศร้าและเหงานิดหน่อย ไม่ใช่เพราะโดนนักแสดงรุ่นพี่กลบรัศมี (ตามบทที่ไม่ถูกกัน) แต่เป็นเพราะผมพยายามและพยายามอย่างมากที่จะแสดงด้วยความรู้สึกรีบเร่งในทุกๆ ฉากเลยครับ
You’re Beautiful
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
นั่นเป็นเพราะผมคิดว่าผมสามารถแสดงความรู้สึกตามปกติที่เป็นอยู่ทุกวันได้ในละครเรื่องนี้ล่ะมั้ง? การรับบทศิลปินเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ตอนที่ผมรับบทคังกอนวูในเรื่อง Beethoven Virus เขาเป็นตัวละครที่ใหม่มากสำหรับผม นั่นทำให้ผมรู้สึกกังวลใจ แต่ผมคิดว่าผมสามารถโชว์ตัวตนที่แท้จริงของผมได้จากบทฮวังแทคยองที่เป็นนักร้อง พอคิดได้แบบนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจแล้วครับ
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
ผมมีชื่อเสียง มีชีวิตที่รุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะละครเรื่องนี้ครับ (ฮ่า ฮ่า ฮ่า) เป็นละครเรื่องแรกที่ผมได้รับบทนำ และเป็นการเล่นละครครั้งแรกสำหรับนักแสดงร่วมบางคนด้วย ในฐานะที่เป็นนักแสดงรุ่นพี่หรือเป็นนักแสดงนำในเรื่อง ผมต้องมีภาวะผู้นำครับ มันดูเหมือนการล้อเลียนตัวเอง แต่ตอนนั้นผมทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในชีวิตจริง แต่ไปแสดงตัวตนที่แท้จริงในละครแทน ละครเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักถึงความเกี่ยวพันกันระหว่างวัยและทักษะการแสดง และยังทำให้พวกคุณเห็นตัวตนของจางกึนซ็อกที่เป็นธรรมชาติที่สุดด้วยครับ
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
ผมไม่เสียใจอะไรกับละครเรื่องนี้เลย ตรงกันข้าม ผมพอใจและรู้สึกขอบคุณละครเรื่องนี้มากๆ ครับ
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“ฉันทิ้งเธอไว้คนเดียวไม่ได้หรอก!” เป็นฉากที่ฮวังแทคยองสารภาพความรู้สึกที่มีต่อโกมีนัม และเป็นบทที่ต้องพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ ผมได้ยินคนพูดเลียนแบบประโยคนี้เยอะอ่ะ (หัวเราะ)
[blockquote align="none" author=""]หมายเหตุจากผู้แปล (Springsuk_USA_note): อาจจะไม่ตรงกับบทพูดในละครซะทีเดียวนะคะเนื่องจากแปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกทีหนึ่ง โดยฉากนี้เป็นฉากที่ฮวังแทคยองรั้งตัวโกมีนัมไว้ตอนที่เธอเดินออกจากตึกของบริษัทเพื่อไปเรียกรถแท็กซี่ แล้วทั้งคู่ก็โต้เถียงและจูบกัน[/blockquote]
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ผมไม่อยากให้ละครเรื่องนี้ออกมาซีเรียสเกินไป ผมอยากทำให้คนที่มีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้สนุกกับการทำงานอย่างเต็มที่ ละครเรื่องนี้เป็นการทำงานที่สนุกและเป็นจริงมากที่สุด ผมยังอยากมีส่วนร่วมในละครเรื่องนี้อีกครั้งครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากที่ฮวังแทคยองแพ้อาหารทะเล เขาไม่สามารถกินกุ้งได้ แต่แม่ของเขากลับจำไม่ได้ และสั่งกุ้งมาให้เขาตอนที่มาทานอาหารด้วยกัน มันเป็นฉากที่แทคยองอาการแพ้กำเริบหลังจากที่กินกุ้งเข้าไปและวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาเจียนออกมา ผมรู้สึกพอใจกับการแสดงที่เป็นธรรมชาติของผมแม้กระทั่งถึงตอนนี้เลยครับ
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ผมสนุกมากจริงๆ ผมเปิดใจรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมสามารถระบุตัวตนได้ ผมพยายามที่จะโชว์ตัวจริงของจางกึนซ็อก ไม่ใช่การแสดงไปตามบท การปลดปล่อยภาระอันหนักอึ้งในการเป็น “ผู้ใหญ่เต็มตัว” ออกไปทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองมากๆ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว You’re Beautiful หมายถึงอะไร?
คุณจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของจางกึนซ็อกจากละครเรื่องนี้ครับ
Mary Stayed Out All Night
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
รูปแบบการใช้ชีวิตของคังมูคยอลที่ระเหเร่ร่อนอยู่ในย่านฮงแด สนุกกับการดื่ม เจ้าชู้ และรักอิสระ ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องในละคร แต่ผมก็อยากใช้ชีวิตแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาก็มีอิสระและอยู่นอกกรอบเสมอ ผมอยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง…
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
ผมได้เพื่อน ดนตรี และได้พบกับชเวชอลโฮ หุ้นส่วนทางดนตรีของผม เขาเป็นโปรดิวเซอร์เพลงประกอบละครเรื่องนี้และเราก็ยังคงทำงานร่วมกัน ตอนนี้เราไม่ต้องพูดอะไรกันก็ต่างคนต่างรู้ว่าใครคิดอะไรยังไงครับ
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
ตอนแรกๆ ของละครเรื่องนี้ คาแรคเตอร์ของคังมูคยอลนั้นชัดเจนมาก แต่พอถ่ายทำไปเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกว่ามันค่อยๆ เปลี่ยนไป มันเหมือนผมหลงทางอยู่ในที่ที่ผมคุ้นเคย ก็ได้แต่หวังว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนสำหรับตัวละครนี้ครับ…
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
"“เธอน่ารักจัง~ โฮ่ง โฮ่ง!” จริงๆ แล้วผมจำบทพูดอันอื่นไม่ค่อยได้น่ะ แต่ผมว่าผมพูดประโยคนี้บ่อยมากและมันก็เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ด้วยนะ"
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ในฐานะที่คังมูคยอลเป็นนักร้องนำของวงอินดี้ ดังนั้นเขาควรที่จะแน่วแน่และเป็นอิสระมากกว่านี้... ผมอยากให้บทเน้นที่ตัวคนมากขึ้น ถ้ามันควรจะต้องทำให้น่าเกลียด ผมจะพยายามแสดงให้น่าเกลียดยิ่งกว่า ถ้ามันตลก ผมก็จะทำให้มันเป็นฉากที่ตลกมากขึ้น
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากที่ผมไปเกาะนามิกับแมรี่ พูดตามตรงเลยนะครับ เกาะนามิเป็นสถานที่ที่ผมอยากจะไปกับแฟนของผม แต่ผมก็ไปที่นั่นครั้งแรกกับนางเอกในละครของผมซะแล้ว... ตอนที่ถ่ายทำฉากต่างๆ บนเกาะนี้ ผมคิดว่าผมคงไม่มาที่นี่อีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น... แน่นอนล่ะ ผมอาจจะกลับมาที่นี่เพื่อถ่ายละครอีกก็เป็นไปได้ แต่ผมคิดว่าคงยากที่ผมจะพาแฟนไปที่นั่นครับ
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
คุณได้เห็นจางกึนซ็อกไว้ผมยาว และคุณก็ได้เห็นจางกึนซ็อกตัวสั่นท่ามกลางอากาศหนาว ผมได้พบกับชเวชอลโฮ คู่หูทางดนตรีของผม และเรื่องนี้ก็ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการทำเพลงสูงขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจางกึนซ็อกในละครเรื่องนี้ถึงร้องเพลงได้ตรงใจผม
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว Mary Stayed Out All Night หมายถึงอะไร?
แรงปรารถนาทางดนตรีและการเริ่มเป็นนักร้องอย่างจริงจังครับ
Love Rain
อะไรที่ทำให้คุณเลือกละครเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
“ความรัก” เป็นสาระสำคัญเพียงอย่างเดียวของเรื่องนี้ ผมคาดหวังว่าละครเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของผมไปในทางที่ดีขึ้น ผมคิดว่าการทำให้คนที่มองว่าผมน่ารักหรือตามแฟชั่นได้เห็นบทบาทของผมเป็นคนใสซื่อที่ร้องไห้และหัวเราะเพียงเพราะความรัก ก็คงจะดีไม่น้อย
คุณได้เรียนรู้อะไรจากละครเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
ผมได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่ทุกสิ่งในโลกนี้จะเป็นไปตามที่เราคาดหวัง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องระมัดระวังในการตัดสินใจทุกครั้งไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในละครเรื่องนี้บ้าง?
เวลา ช่วงที่ได้พักหายใจ ในตอนนั้นจิตใจผมไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ผมจึงไม่มีเวลาสร้างมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ และตั้งหน้าทำงานในฐานะนักแสดงเท่านั้น
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
"ผมคิดว่า เรื่อง “Love Rain” เป็นละครที่เราไม่สามารถหยิบยกตอนใดตอนหนึ่งออกมาพูดได้ ผมว่าบทพูดแต่ละบทแต่ละตอนมันประกอบขึ้นมาเป็นเรื่องราวทั้งหมด"
ถ้าคุณได้เล่นละครเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ผมอยากจะใส่ความรู้สึกที่มีความซับซ้อนให้มากกว่านี้ ผมว่าต้นฉบับเค้าเนื้อเรื่องค่อนข้างอุปมาอุปไมย เลยยากที่จะดึงความสนใจจากคนดู หลังจากนี้อีก 10 ปี ผมคิดว่ามันคงเหมาะที่จะสื่อสารทั้งแบบย้อนยุคและร่วมสมัย ผมอยากจะแสดงให้เห็นสมัยนิยมของช่วงเวลานั้นครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ตอนที่ถ่ายทำฉากในยุคปัจจุบัน พวกเราไปถ่ายกันที่ฮอกไกโด อากาศที่นั่นหนาวมากจนทำให้ผมสามารถพูดบทเศร้าๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ! ผมค้นพบว่าความเจ็บปวดจากร่างกายช่วยสร้างอารมณ์เศร้าได้ด้วยครับ…
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ผมต้องต่อสู้เพียงลำพัง ซึ่งผมค่อนข้างรู้สึกกล้ำกลืนเพื่อที่จะไปให้ถึงตอนจบ ผมต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้สูญเสียความเป็นตัวเอง คุณจะได้เห็นความเศร้าของจางกึนซ็อกซึ่งยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดในเรื่องนี้ครับ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว Love Rain หมายถึงอะไร?
มันเป็นละครที่ผมได้คิดถึงใครบางคนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
The Happy Life
อะไรที่ทำให้คุณเลือกหนังเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
เพราะว่าผมเป็นร็อคเกอร์ ในตอนนั้นผมเลยอินกับดนตรีร็อคจริงๆ ความอิสระ ความโกรธ และความอดทน... ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดโดยผู้กำกับอีจุนอิกและรุ่นพี่ทุกคนครับ
คุณได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
"สาระสำคัญของหนังเรื่องนี้ ผมได้เรียนรู้วิธีในการสนุกกับชีวิต ผมได้รู้เหตุผลในการเป็นนักแสดง และผมจะไม่เสียใจที่ต้องตายครับ ในฐานะนักแสดง ผมได้เรียนรู้วิธีที่จะสนุกกับการแสดง ในขณะเดียวกัน ผมก็ได้เรียนรู้การร่วมงานกับผู้อื่นด้วย"
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในหนังเรื่องนี้บ้าง?
ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจเลยครับ ทุกอย่างดีหมดอยู่แล้ว
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“ผมจะร้องไปจนกว่าจะจบ ผมจะสนุกไปกับทุกคนเลย” นี่เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งของเพลงในหนังเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่ามันบอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ครับ
[blockquote align="none" author=""]หมายเหตุจากผู้แปล (Springsuk_USA_note): เนื้อร้องจริงๆ คือ “ผมจะร้องเพลงเพื่อคุณจนถึงที่สุด ผมจะร้องออกมาดังๆ ว่าชีวิตของผมมีความสุข” [/blockquote]
ถ้าคุณได้เล่นหนังเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
"ถึงตอนนั้น ผมคงไม่เล่นบทลูกแล้วล่ะ คงต้องรับบทพ่อแทน แต่ไม่ว่าจะยังไง ถ้าผมมีโอกาสได้เล่นหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ผมคงมีความสุขมากจริงๆ"
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากที่ผมเล่นดนตรีกับนักแสดงรุ่นพี่ท่านอื่นๆ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงเลือกฉากนี้เพราะมันเป็นฉากที่มีทั้งความสามัคคีและความแตกแยก ถึงแม้เราจะเล่นดนตรีเหมือนกันในสถานที่เดียวกัน แต่ทุกครั้งมันจะเป็นดนตรีที่แตกต่างกัน ทุกๆ ครั้งคุณจะได้เห็นวิธีการต่างๆ ที่แสดงถึงการต่อสู้ดิ้นรน ความสนุกสนาน และความหลงใหลในดนตรีครับ
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
คนที่มีทั้งความน่ารักและพรสวรรค์ ผมตัดผมสั้นเพื่อหนังเรื่องนี้ แต่ผมต้องเริ่มถ่ายทันทีและต้องเข้าถึงบทบาทก่อนที่จะเริ่มงานจริง สถานที่ถ่ายทำก็เป็นทั้งที่เล่นและที่เรียน มันคือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสุขครับ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว Happy Life หมายถึงอะไร?
เหมือนผมได้ย้อนกลับไปสู่ความฝันในคืนกลางฤดูร้อนเลยครับ The longest wait [Kate’s Note: หรือที่รู้จักกันในชื่อ Crazy Waiting, The Longest 24 Months, Going Crazy Waiting]
อะไรที่ทำให้คุณเลือกหนังเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
"การเกณฑ์ทหาร! เพราะว่าในประเทศเกาหลี เรื่องนี้เป็นประเด็นไม่เฉพาะแต่ผู้ชายเท่านั้น สาวๆ ก็ให้ความสนใจเรื่องนี้ด้วย ผมเลยรู้สึกสนใจ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ผมได้แสดงหนังที่มีพระนางหลายคู่ ผมทั้งอยากรู้ทั้งกังวลใจเกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่อง... และมันก็น่าสนใจมากที่ได้เล่นเป็นคู่รักของผู้หญิงที่อายุมากกว่าครับ.... (หัวเราะ)"
คุณได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
จริงๆ แล้ว ผมได้ร่วมฉากกับคู่ของผมแค่ไม่กี่ฉากเอง แต่ในส่วนของการทำงาน ผมได้เรียนรู้การแสดงบทสนทนาที่หลากหลายมากๆ ครับ
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในหนังเรื่องนี้บ้าง?
"หนังที่มีพระนางหลายคู่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันค่อนข้างเครียดนะที่ต้องเห็นการดำเนินเรื่องอย่างครบถ้วนและไคลแม็กซ์ของเรื่องภายในเวลาอันจำกัด การกระชับเรื่องราวจะทำให้การแสดงอารมณ์จากภายในต้องลดน้อยลง มันยากมากที่จะทำให้ออกมาดีทุกด้าน"
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“เรามาแต่งงานกันเถอะ” เป็นครั้งแรกในชีวิตนะที่ผมได้พูดประโยคนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจที่ได้ขอแต่งงานใครคนนึง แน่นอน ถึงมันจะเป็นแค่การแสดงก็เถอะ (หัวเราะ)
ถ้าคุณได้เล่นหนังเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
ผมอยากแสดงให้เห็นระหว่างจางกึนซ็อกที่เป็นวัยรุ่นและตอนเป็นชายหนุ่ม ยังไม่ถึงกับเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ผมอยากแสดงลงรายละเอียดให้มากกว่านี้ในส่วนที่มันยังคลุมเครือ หรือตอนที่ยากจะบอกความรู้สึกน่ะครับ
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากบนเตียงครั้งแรกของผม! ถึงแม้มันจะเป็นแค่ฉากที่ผมถอดเสื้อออกบนที่นอน แต่มันก็ยังเป็นฉากบนเตียงครั้งแรกของผมอยู่ดี การเคลื่อนไหวทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ผมรู้สึกว่ามันยากจริงๆ ที่ต้องแสดงโดยใช้ร่างกายของตัวผมเอง
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ผมอยากเป็นคนที่ชื่อเสียงในฐานะชายหนุ่มสุดเท่ห์และขี้เล่น ตอนที่ถ่ายทำอยู่ต่อหน้ากล้อง ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่าผมมีความสุขสนุกสนานและสามารถแสดงออกมาได้ดีแค่ไหน
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว The longest wait หมายถึงอะไร?
ช่วงเวลาที่ผมกำลังจะก้าวสู่การเป็นนักแสดงผู้ใหญ่เต็มตัวครับ
The Case of Itaewon Homicide
อะไรที่ทำให้คุณเลือกหนังเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
"ความอยากรู้อย่างแรงกล้าครับ เพราะมันเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง บทที่ผมรับเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรมจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคือฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า ในฐานะนักแสดง ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าการทำให้ผู้ชมได้จินตนาการตอนจบของเรื่อง เพราะแค่ผมแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ชมก็จะสามารถจินตนาการได้เอง ผมจึงต้องมีทักษะการแสดงที่ดีขึ้น ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้แสดงให้เห็นความตั้งใจจริงของผมครับ"
คุณได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
"ผู้คนส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผมเอง จดจำภาพของผมในฐานะนักแสดงหน้าหวาน ดังนั้น ตอนที่ผมรับบทในหนังเรื่องนี้ ดูเหมือนทุกคนจะประหลาดใจมาก มันน่าสนใจดี เพราะการพลิกการคาดเดาของผู้ชมคือความสุขและความท้าทายของนักแสดงครับ"
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในหนังเรื่องนี้บ้าง?
"ในฐานะนักแสดง ผมสามารถแสดงให้ทุกคนเห็นตัวผมในมุมที่แตกต่างออกไป ผมว่าผมได้อะไรจากหนังเรื่องนี้อย่างมากเลยครับ"
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
"ฉันจะโชว์อะไรเจ๋งๆ ให้นายดู ตามฉันมาสิ"
ถ้าคุณได้เล่นหนังเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
คดีที่เกือบจะถูกลืมได้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง ผมอยากจะทำเรื่องราวอะไรอย่างนี้จริงๆ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าอีก 10 ปีข้างหน้าผมจะแสดงยังไง บางอย่างเช่นการแสดงอารมณ์ของฆาตกรเพิ่มขึ้นหรือทำให้คดีนี้ดูสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
"ถ้าพูดถึงเฉพาะการแสดง ฉากสุดท้ายอ่ะน่าสนุกมากๆ ฉากที่ผู้ต้องสงสัยเดินออกมาจากห้องอัยการไปตรงทางเดินในอาคาร แล้วก็ยิ้มเยาะอย่างน่าเกลียด ชวนให้เรานึกภาพฆาตกรที่ประสบความสำเร็จในการหลบหนีการเกือบจะถูกจับกุม เหมือนการบอกว่า “ผมนี่แหล่ะ ฆาตกร คุณไม่รู้หรอกเหรอ?” ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ผู้ชมรู้สึกสงสัย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ เลยครับ"
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
"ก่อนหน้านั้น ผมติดนิสัยชอบดูตัวเองหลังจากได้ยินเสียง “คัท!” เพราะผมอยากรู้ว่าตอนอยู่ในหนังผมเป็นยังไง แต่พอมาเล่นหนังเรื่องนี้ ผมได้เรียนรู้ว่านั่นมันไม่สำคัญเลย แล้วผมก็เริ่มใส่ความพยายามมากขึ้นกับบทพูดและความรู้สึก นักแสดงต้องมีสมาธิกับคาแรคเตอร์ที่ตัวเองเล่น ไม่ใช่ภาพของตัวเองที่ปรากฏในจอครับ"
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว The Case of Itaewon Homicide หมายถึงอะไร?
มันเป็นการพลิกบทบาทของจางกึนซ็อกจากภาพลักษณ์เดิมๆ
You’re my Pet
อะไรที่ทำให้คุณเลือกหนังเรื่องนี้? สิ่งที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์มากที่สุดคืออะไร?
"ผมว่ามันอาจจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของผมที่จะแสดงบทน่ารักๆ แบบนี้... นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากแสดงให้เห็นความเป็นธรรมชาติในตัวผมครับ
คุณได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นนักแสดง หรือในฐานะจางกึนซ็อก?
เปรียบเทียบกับตัวละครในเรื่องแล้ว ผมพยายามที่จะโชว์ความเป็นตัวของตัวเองในหนัง ผลก็คือผมได้รับคำชื่นชมว่าบทนี้มีแต่จางกึนซ็อกเท่านั้นแหล่ะที่เล่นได้ สิ่งนี้ถือเป็นคำชมสูงสุดในฐานะนักแสดง จริงๆ แล้วมันยากมากเลยนะที่จะผสมผสานความแตกต่างระหว่างตัวจริงกับตัวละครในหนัง
คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจอะไรในหนังเรื่องนี้บ้าง?
"นอกเหนือจากคำวิจารณ์เรื่องการจำหน่ายตั๋วและตัวละครที่เลียนแบบตัวเองแล้ว ผมฝังตัวเองอยู่ในการแสดงครั้งนี้ ผมคิดว่าผมแสดงออกมาได้ดีทีเดียวและแสดงทุกอย่างเท่าที่ผมสามารถทำได้ในช่วงเวลานั้น ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องเสียดายอะไร แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่เสียใจแน่นอนครับ"
บทพูดประโยคที่ประทับใจคุณมากที่สุด?
“นอกจากหน้าอกแล้ว ผมไม่ได้จับอย่างอื่นอีกเลยนะ!” จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้จับแม้แต่หน้าอก [ของเธอ] (หัวเราะ) ตอนที่ตัวอย่างหนังออกมาพร้อมกับประโยคนี้ ผมได้ยินทุกคนหัวเราะมันดูเรียบง่ายและไร้เดียงสา แต่ก็เป็นประโยคที่สื่อถึงตัวละครนี้มากที่สุด
ถ้าคุณได้เล่นหนังเรื่องนี้ใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากให้มันออกมาเป็นยังไง?
"มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ผมจะเล่นหนังเรื่องนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะผมเชื่อว่าผมไม่สามารถแสดงความน่ารักในแบบที่ผมแสดงไว้ตอนอายุ 24 ได้ และถึงผมจะทำได้ มันก็เป็นแค่ทักษะการแสดงของผมในอีก 10 ปีข้างหน้าเท่านั้น"
ฉากไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด เป็นฉากสุขหรือเศร้า?
ฉากที่ถ่ายร่วมกับปลาไหลของผม ถึงมันจะใช้เวลาในการถ่ายทำนานและผมก็รู้สึกเสียใจต่อปลาไหลของผมมากๆ แต่ผมก็ทำให้เกิดฉากนี้กับปลาไหลขึ้นมาได้ มันทำให้ผมรู้สึกดีใจเป็นสองเท่าเลยครับ
[blockquote align="none" author=""]หมายเหตุจากผู้แปล (Springsuk_USA_note): ในฉากนี้ ปลาไหลญี่ปุ่นแสดงเป็นผู้ชมในการแสดงบนเวทีของเขา[/blockquote]
อะไรคือสิ่งที่จางกึนซ็อกชอบตอนที่เล่นละครเรื่องนี้?
ผมพูดได้เลยว่าตัวละครนี้เหมือนตัวจริงของจางกึนซ็อกมากๆ คุณจะได้เห็นตัวจริงของจางกึนซ็อกและจางกึนซ็อกที่เป็นตัวของตัวเองในหนังเรื่องนี้ นี่คือการทำงานที่มีความสุขที่สุดหลังจากเรื่อง You’re Beautiful (YAB) ตัวละครที่ผมเล่นในเรื่อง YAB เป็นนักร้อง ดังนั้นผมจึงแสดงได้ง่ายและไม่รู้สึกเกร็ง ส่วนในเรื่อง You’re my Pet จางกึนซ็อกเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งจริงๆ แล้วนั่นก็เหมือนตัวผมนะ ผมถึงแสดงได้สมจริงไงล่ะ
สำหรับจางกึนซ็อกแล้ว You’re My Pet หมายถึงอะไร?
เปรียบเทียบกับการทำงานเรื่องอื่นๆ มันเป็นการทำงานที่ผมสนุกและมีความสุขกับตัวเองมากที่สุด มันสะท้อนตัวจริงของจางกึนซ็อกในวัย 25 ได้เป็นอย่างดีครับ










0 ความคิดเห็น