Chinese Translation: neineilove English Translation: HappyJosephine Cri and Kalen ^^ แปลไทยโดย: Kate K-Gang www.jangkeunsukthailand.com ::: ห้ามนำออกนอกบอร์ดโดยไม่ได้รับอนุญาต :::
“นักร้องจางกึนซ็อก” เป็นผู้ที่ทำให้เวทีมีชีวิตชีวา ทั้งยังเติมความสดใสและชุ่มชื่นใจให้กับทุกคน ส่วน “นักแสดงจางกึนซ็อก” ก็ให้สัมภาษณ์แบบถาม-ตอบด้วยตัวเอง
นักร้องจางกึนซ็อกอยากจะถามอะไรกับนักแสดงจางกึนซ็อกน่ะเหรอ? แล้วนักแสดงจางกึนซ็อกตั้งใจจะเปิดใจกับนักร้องจางกึนซ็อกยังไงล่ะ⋯”
Q1: อะไรคือแรงขับเคลื่อนในการแสดงทุกๆ ครั้ง?
A: (ความคิดสร้างสรรค์) การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มักจะเริ่มต้นจากสิ่งเดิมๆ เสมอ…
ก่อนอื่นเลย ผมต้องพิจารณาลักษณะของบทที่ผมต้องแสดงก่อน ถ้าผมไม่สามารถกำหนดลักษณะอารมณ์และวิธีที่จะแสดงบทบาทที่ผมกำลังเล่นให้ออกมาดีที่สุดแล้วล่ะก็ ผมจะไม่มายืนอยู่ตรงหน้ากล้องเด็ดขาด จากจุดนี้เอง องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดก็คือการวาดภาพบทบาทของผม มันเป็นแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันผม แน่นอนว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรก็สำคัญมากด้วยเช่นกัน ถ้าบทบาทคือการเป็นต้นไม้ ดังนั้นเนื้อเรื่องหลักก็จะเป็นป่าใหญ่ ถ้าคุณไม่วาดภาพให้ครบถ้วน คุณก็จะไม่สามารถสร้างบทบาทที่สมบูรณ์ได้ อีกจุดหนึ่งก็คือมิตรภาพและความเชื่อใจที่มีต่อทีมงานผู้ผลิต ตามหลักแล้วประเด็นนี้ก็สำคัญนะ โดยปกติการถ่ายทำจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนกว่าจะเสร็จ ถ้าเป็นเรื่องยาวก็อาจจะกินเวลาถึงแปดเดือนหรือมากกว่านั้น ถ้าไม่มีความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตผลงานดีๆ ออกมา
Q2: ถ้าคุณสามารถเติมคำขยายไว้ข้างหน้าชื่อนักแสดงจางกึนซ็อกได้ คุณจะเติมคำว่าอะไร?
A: “นักแสดงที่ประเมินค่าไม่ได้จางกึนซ็อก” หรือจะเป็น “นักแสดงที่ยากต่อการคาดเดาจางกึนซ็อก” ดีล่ะ? ถึงแม้ผมจะเคยแสดงบทบาทที่แตกต่างกันมามากมายและผมก็รักทุกบทที่ผมแสดง แต่ก็อยากจะบอกว่า ผมจะแสดงบทบาทที่ได้รับโดยที่ผมไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ยังไง มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เลยครับ
ได้ยินบางคนบอกว่านี่เป็นเรื่องที่สบายมากๆ แน่นอนสิ ผมรู้ว่าแอ็คติ้งของผมน่ะดีอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่นี่ก็เป็นแค่ความคิดของผมเท่านั้น คนอื่นอาจจะคิดต่างออกไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้จะมีคนพูดอะไรต่างๆ นานา ผม… ผมตั้งใจจะแสดงบทบาทของผมยังไงไม่มีใครเดาได้หรอก ผมอยากจะเป็นนักแสดงแบบนี้แหล่ะ
บทสัมภาษณ์ถามตอบเวอร์ชั่นล่าสุดของ “CRI-J#2 Vol.3” นี้มีด้วยกันทั้งหมด 16 คำถาม เจาะลึกและวิเคราะห์จางกึนซ็อกเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการเป็นนักแสดง รวมถึงความตั้งใจ ความพยายาม และความเจ็บปวดของเขา หวังว่าทุกๆ คนจะได้รู้จักตัวตนของเขาดีขึ้น รวมทั้งปณิธานและทัศนคติของเขาในฐานะ “นักแสดง” ดังนั้น ถึงแม้จะยังมีคนวิพากษ์วิจารณ์เขาเรื่องกิริยาท่าทางในการเป็นนักแสดง แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์นี้จะทำให้เข้าใจวิถีทางของเขามากขึ้น
Q3: อะไรที่ทำให้นักแสดงจางกึนซ็อกมีแรงจูงใจในเชิงสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น?
A: นักแสดงทุกคนอาศัยการแสดงจากประสบการณ์ที่เคยรับรู้มา ก็อย่างที่บอกแหล่ะครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะอยากแสดงอะไร เพราะผมจะทำแต่สิ่งที่ผมชื่นชอบเท่านั้น ผมเลยไม่ต้องการแรงจูงใจอะไรเป็นพิเศษ แน่นอนว่านี่คือสไตล์ของผม อ้อ อีกอย่างนึง ผมอาจจะรู้สึกว่าชีวิตประจำวันของผม เป็น “คนที่อยากจะทำการแสดง” ก็ได้นะ
ยกตัวอย่างในการถ่ายทำโฆษณาเมื่อเร็วๆ นี้ ช่างภาพขอให้ผมแสดงอารมณ์บางอย่าง ผมก็ทำตามคำขอนั้น จู่ๆ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมากๆ แล้วก็คิดว่า “โอ้ ผมเป็นนักแสดงนี่นา โอ้ว ~!” จากนั้นก็เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสดงออกมา ตอนนี้ผมมีความกะตือรือร้นเป็นอย่างมากเพราะเรื่องไร้สาระเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังแสดงเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะใช้ทักษะในการเป็นนักแสดงเพื่อเปิดเผยมันออกมาหรือไม่ก็ตาม (หัวเราะ)
Q4: ระหว่างทำการแสดง คุณเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกขายหน้าบ้างมั๊ย? เมื่อไหร่?
A: นักแสดงควรจะต้องเข้าถึงบทบาทที่ได้รับเพื่อให้การแสดงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้ง แต่เมื่อไหร่ที่มันถูกผสมผสานกับ “จางกึนซ็อก” แล้วตัวตนของจางกึนซ็อกปรากฎออกมา ผมก็จะรู้สึกประหม่าและเขินอาย ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมมองเห็นตัวเองก็แปลว่าผมหลุดออกจากแอ็คติ้งนั้นแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ ในช่วงเวลาแบบนั้น ผมจะตำหนิตัวเองอย่างเงียบๆ ทำให้ตัวเองรู้สึกกังวล แล้วก็ทำการฝึกซ้อมให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนา นี่คือสูตรของผมครับ
Q5: อะไรที่ถือว่าเป็นวิกฤติสำหรับนักแสดงอย่างจางกึนซ็อก?
A: เมื่อสัมพันธภาพของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างทีมงานถูกบั่นทอนลง เมื่อบุคคลที่คุณไว้วางใจเปลี่ยนเส้นทางเดิน นี่คือช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และเสี่ยงต่อการทำให้นักแสดงขาดสมาธิได้ครับ
Q6: “ความโศกเศร้าและความร่าเริง” อย่างไหนที่ง่ายที่สุดและยากที่สุดในการแสดงอารมณ์และความรู้สึก?
A: ยากทั้งสองอย่างเลยครับ ไม่ว่าอย่างไหนในสถานการณ์ที่นักแสดงต้องแสดงความรู้สึกนั้นออกมา ทั้งหัวใจและความรู้สึกก็จะต้องมั่นคงด้วย นี่เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยากทีเดียว เวลาที่ดูหนัง ถ้าคุณได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนักแสดงตอนที่นักแสดงและผู้ชมหายไปหมด ทั้งความโศกเศร้าและความร่าเริงก็ไม่มีอะไรที่ง่ายต่อการตีความความรู้สึกเลย
Q7: คุณมีนิสัยยังไงก่อนที่จะเข้ากล้อง?
A: ได้ยินมาว่ามีคนที่ชอบฟังเพลงและมือของพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยสคริปต์จนวินาทีสุดท้าย ส่วนผมจะหลับตาแล้วจินตนาการประมาณ 10 วินาที จากนั้นก็ตีความออกมา และพูดคำว่า “ผมเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง” (หัวเราะ)
Q8: วิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยในชีวิตการแสดงคืออะไร?
A: ผมเป็นคนยุคดิจิตอลโดยสมบูรณ์ครับ ทั้งกล้องถ่ายรูป อีเมล์ โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต สิ่งเหล่านี้ช่วยในการแสดงของผมทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น เวลาที่ผมโพสต์เหตุการณ์ซักอย่างหนึ่งลงบนทวิตเตอร์ ถึงจะไม่ได้มีคนเป็นพันๆ ล้านคนทวีตแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมัน แต่การอ่านข้อความเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกว่าคนเรามีหลากหลายประเภทจริงๆ! ในเวลานี้ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์และอินเตอร์เน็ตสำคัญกับผมมากๆ ผมสามารถใช้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของพวกเขาในการแสดง การใช้ชีวิตเป็นคนอื่นเป็นงานของนักแสดงใช่มั๊ยล่ะ? เพื่อที่จะใช้ชีวิตเป็นคนอื่นแล้ว เราไม่สามารถที่จะละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของพวกเราได้ (อ่านมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน……)
Q9: ถึงแม้จะไม่ใช่งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่งานไหนที่มีความสำคัญมากเป็นพิเศษ?
A: ผลงานเรื่อง Hwang Jin Yi ทำให้จางกึนซ็อกสลัดภาพดาราเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และผลงานเรื่อง You’re Beautiful ที่โด่งดังไปไกลกว่าเกาหลีใต้ซึ่งทำให้ทั่วโลกรู้จักนักแสดงที่ชื่อ “จางกึนซ็อก” ถึงแม้ผลงานทุกชิ้นมีความสำคัญมาก แต่ก็มีงานที่ทำให้เจ็บปวดมากด้วยเช่นกันครับ ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ทำให้ผมมีความทรงจำหลายอย่าง ทุกๆ ความรู้สึกสร้างความทรงจำในการทำงานให้กับผม ระหว่างการถ่ายทำ ผมมีความสุขมากๆ ในขณะเดียวกัน ผลงานที่ออกมาก็ได้รับความรักและการตอบรับที่ดี⋯⋯ สำหรับผมแล้วมันเป็นผลงานที่สำคัญมากครับ
Q10: ผลงานชิ้นไหนที่แสดงถึงการเจริญเติบโตของจางกึนซ็อก?
A: ในช่วงที่มีผลงานเรื่อง “NONSTOP” จางกึนซ็อกยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย (หัวเราะ) ถึงจะเป็นเพราะความเยาว์วัยของผมทำให้ผมได้รับการให้อภัยอย่างง่ายดาย แต่ในเวลานั้นผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ ต่อมาในเรื่อง “Hwang Jin Yi” เป็นช่วงเวลาที่ผมอยากจะมีลุคเป็นผู้ใหญ่ ผมทำงานหนักมากในเรื่องนี้ ส่วนในเรื่อง “You’re Beautiful” เป็นครั้งแรกที่ผมรับบทเป็นคนที่โตที่สุดในกลุ่มครับ ในเรื่อง You’re Beautiful ผมรับบทเป็นลีดเดอร์ ผมต้องเป็นผู้นำคนที่เด็กกว่าในช่วงเวลานั้น ผมยังแอบจดจำวิธีการที่พี่ๆ ดูแลผมเป็นอย่างดีด้วย สำหรับผลงานใหม่ล่าสุด “Love Rain” เรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่มาพร้อมกับความทรงจำอันแสนเจ็บปวด เพราะมันเป็นการต่อสู้กับความอ้างว้างภายในตัวเอง มีทั้งความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า แต่หลังจากมาคิดๆ ดูแล้ว มันก็เป็นผลงานที่ทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ
Q11: ถ้าเทศกาลภาพยนตร์และการประกาศรางวัลผลงานเพลงเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ⋯ คุณจะให้ความสำคัญกับงานไหนก่อน?
A: ตอบได้อย่างไม่ลังเลเลย งานเทศกาลภาพยนตร์ครับ เพราะว่าผมแจ้งเกิดจากการเป็นนักแสดง และในอนาคตผมก็ยังคงเป็นนักแสดง แน่นอน มันไม่ได้หมายความว่าผมจะเลิกทำผลงานเพลง แต่การเป็นนักแสดงมีความสำคัญกับผมมากๆ ผลงานที่นักแสดงจะทิ้งไว้หลังจากที่เขาตายไป หากได้รับการกล่าวถึงจะดูมีความหมายมากที่สุดครับ
Q12: ความรู้สึกแบบไหนที่จางกึนซ็อกพยายามจะถ่ายทอดออกมาผ่านทางการแสดง?
A: ผมไม่อยากจะยืนอยู่หน้ากล้องด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย ในขณะที่มันทำให้เกิดแรงกระตุ้นแต่มันก็ทำให้สูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปด้วย ผมอยากจะพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเปลือกหอยที่ว่างเปล่า แล้วลอยละล่องไปหากล้องอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องมีความจริงใจจากภายในนะครับ และความเป็นจริงก็จะต้องถูกถ่ายทอดออกมาด้วย
Q13: เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่า “ชีวิตของฉันคือการแสดง”?
A: ทุกครั้งที่ผมมองตัวเองผ่านทางกระจก ผมจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “การแสดงของฉันจะต้องดีที่สุด ฉันคือสุดยอด” บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามันเป็นการแสดงแบบหนึ่งด้วย ในช่วงวินาทีนั้น ผมคิดว่า “ถึงจะไม่ได้อยู่หน้ากล้อง แต่ฉันยังคงแอ็คติ้งอยู่” นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมรู้สึก ชีวิตของผมทุกวินาทีคือการแสดงครับ
Q14: ผู้เขียนบท ผู้กำกับ ตามความคาดหวังของคุณ ⋯อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกงาน?
A: เนื่องจากทั้งหมดนี้คือศิลปะแบบองค์รวม ผมไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรบ้างที่ไม่สำคัญ การคัดเลือกงานของนักแสดงแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป สำหรับผมแล้วคิดว่าบทและเนื้อเรื่องคือสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยปกติแล้วผมจะรู้โดยสัญชาตญาณว่าผมรู้สึกยังไงกับงานๆ นั้น ผมต้องเกิดความรู้สึกว่าผมควรจะเลือกงานนี้ แล้วผมจึงจะศึกษารายละเอียดที่สำคัญอื่นๆ อย่างช้าๆ
Q15: คุณเกิดมาเป็นนักแสดงใช่ไหม? หรือเป็นคนที่มุ่งมั่นอย่างมากเพื่อเป็นนักแสดง? หรือเป็นคนที่มีวิถีชีวิตเป็นนักแสดง?
A: ผมเป็นทั้งสามอย่างเลยได้ไหม? ผมรู้สึกว่าผมเกิดมาทำหน้าที่เป็นนักแสดงเพราะผมไม่ได้มีพรสวรรค์และความคาดหวังของตัวเอง ผมใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ และคิดว่า “นักแสดง” ที่เป็นมืออาชีพนั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีวิถีชีวิตเป็นนักแสดงด้วย ผมไม่สามารถถูกล้อมอยู่แต่ในกรอบได้ ผมจึงเป็นหมดทั้งสามแบบเลยครับ
Q16: ขอถามจางกึนซ็อกว่า “นักแสดงจางกึนซ็อก” คืออะไร?
A: ระหว่างความจริงใจและการโกหก มันเป็นสงครามที่ไม่มีจุดสิ้นสุดและถูกวัดด้วยความสมดุลระหว่างความถูกผิดในการวิเคราะห์ตัวเอง สรุปแล้ว ผมรู้สึกว่าการเป็น “นักแสดง” เป็นหน้าที่ของผม และความรู้สึกของหน้าที่ในการเป็นนักแสดงก็ทำให้เกิดผลงานที่ดีตามมาครับ (จบ)
0 ความคิดเห็น