[Trans]Interview of JKS: Cri-J Magazine Vol.3



 Source: http://tieba.baidu.com/p/1247743628 share by i love Jang geun suk‘s facebook

Translation:

japanese to korean: 레니 비 에

korean to chinese: 樱之荼蘼 from Suk Baidu

chinese to english: Vam from GeunGeun Baidu

english to thai: Kate K-Gang

จางกึนซ็อก นักแสดงหนุ่มวัย 25 ปี [Kate’s note: นับตามแบบเกาหลี] ผู้ซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงและมีชื่อเสียงโด่งดังมากในปีนี้ หลังจากฝ่าฟันมาหลายปี มาวันนี้เขาโตเต็มตัวในสายอาชีพของเขาพร้อมด้วยบุคลิกที่ใสซื่อสมวัยคนรุ่นใหม่ มีบางคนบอกว่าเขาประสบความสำเร็จเร็วมาก แต่สำหรับเขาซึ่งผ่านความลำบากมาอย่างโชกโชน ความสำเร็จ ณ ตอนนี้ถือว่ายังไม่สุด เขายังคงคิดหาความหมายว่าอะไรคือความสำเร็จบนหน้าที่และความรับผิดชอบของเขา.. และยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงไม่ว่าจะผ่านไปอีก 10 ปี 20 ปี หรืออีกกี่ปีก็ตาม

ถาม: ถ้าคนเรามีอายุยืนถึง 100 ปี อะไรคือทัศนคติของคุณที่อายุ 25 ซึ่งผ่านไป 1 ใน 4 ของช่วงชีวิตแล้ว?

ซ็อก: ตอนที่ผมยังเด็ก ผมคิดว่าถ้าผมอายุ 25 ปี ผมจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ตอนนี้ผมเมื่อผมอายุ 25 จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีความคิดอะไรเป็นพิเศษ ไม่แตกต่างจากตอนที่ผมอายุ 20 แต่ก็ใช่ว่าความไม่แตกต่างนั้นจะไม่มีความหมายอะไร ผมมีสิ่งที่ต้องทำมากขึ้น มีหน้าที่ที่ต้องแบกรับมากขึ้น ความเป็นผู้ใหญ่อาจจะเป็นประเด็นที่ผมต้องรับผิดชอบ

ถาม: คุณใช้เวลาในวันเกิดครบรอบ 25 ปีของคุณอย่างไร? เพื่อนๆ และเพื่อนร่วมงานของคุณให้อะไรคุณเป็นของขวัญ?

ซ็อก: ตามประวัติ วันเกิดของผมคือวันที่ 4 ส.ค. นั่นเป็นวันเกิดตามจันทรคติ วันเกิดของผมในปีนี้คือวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งกำหนดการของผมในวันนั้น คือถ่ายหนัง ถ่ายโฆษณา ทานข้าวฝีมือคุณแม่ และจัดปาร์ตี้เล็กๆ สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดก็คือวีดีโออวยพรจาก PONY CANYON ซึ่งเป็นของขวัญพิเศษที่ทำขึ้นสำหรับผมเท่านั้น ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากครับ นอกจากนี้เข็มขัดและไวน์ที่รุ่นพี่จีซังให้ก็ประทับใจผมมากเลยครับ

ถาม: ทีมงานที่ทำงานอยู่รอบตัวคุณรู้สึกแปลกใจกับแง่มุมความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยของคุณบ้างมั๊ย?

ซ็อก: (ผม) ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าผมเป็นผู้ใหญ่กว่าคนอื่นที่อายุเท่าผมหรือเปล่า ผมเริ่มใช้ชีวิตทางสังคมในฐานะนายแบบและนักแสดงตั้งแต่ผมอายุ 5 ขวบ ผมต้องมีวุฒิภาวะให้เพียงพอกับความรับผิดชอบที่ผมมี คนอื่นๆ เรียกผมว่าเป็นเด็กที่โตเกินตัว หมายถึง ร่างกายยังเด็กแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ บางทีผมก็รีบร้อนที่จะเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป แต่ถ้านี่คือชีวิตของผม ผมก็จะยอมรับมันครับ


ถาม: หลายคนมองว่าคุณประสบความสำเร็จเร็วมาก คุณคิดอย่างนั้นหรือเปล่า?

ซ็อก: แน่นอนครับ ถ้าตัดสินจากอายุก็ดูเหมือนผมประสบความสำเร็จเร็วมาก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ผมอยู่ในวงการบันเทิงมา 20 ปีแล้ว ตรงกันข้าม ผมว่ามันออกจะช้าและยากที่จะฝ่าฟันมาได้ด้วยซ้ำ ตอนเป็นเด็ก ผมชื่นชมดาราเด็กคนอื่นที่มีอนาคตในวงการบันเทิง ผมเฝ้ามองฮยอนบินตอนที่เล่นเรื่อง nonstop และฮันเยซึลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในเวลานั้น ผมเอาแต่คิดว่าผมจะเป็นแบบนั้นบ้าง ตอนอายุ 17-18 ผมก็คิดนะว่าทำไมผมถึงไม่ได้รับความนิยมมากกว่านี้? ..ผู้คนรอบๆ ตัวผมมักจะพูดกันว่าคุณก็โด่งดังมากขึ้นแล้วนี่ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าความสำเร็จแค่ไหนล่ะถึงจะเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จที่แท้จริง

ถาม: ความหมายของความสำเร็จของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป แล้วคุณล่ะ ความสำเร็จคืออะไร?

ซ็อก: ผมไม่รู้หรอกครับว่าแค่ไหนถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับผม เพราะผมไม่เชื่อในความสำเร็จของคนในวัย 20 ผมคิดว่าเดี๋ยวก็จะมีบันทึกหน้าใหม่เกิดขึ้นมาอีก เราจึงต้องเอาชนะจุดนี้ไปให้ได้ การหาเงินล้านได้ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วเหรอ? อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ในความคิดของผม เมื่อไรก็ตามที่คุณทำตามความฝันของคุณได้แล้วนั่นแหล่ะครับถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ ผมฝันมากว่า 10 ปีแล้ว เป้าหมายของผมไม่ใช่แค่การเป็นนักร้องหรือนักแสดง แต่ผมต้องการประสบความสำเร็จในแวดวงอื่นๆ ด้วย ดังนั้น อะไรที่ผมได้รับ ณ ตอนนี้ถือว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของความฝันของผมเท่านั้นครับ และถึงผมจะประสบความสำเร็จจริง ผมก็จะไม่มาคุยโวโอ้อวดหรอกนะ ผมเข้าใจดีว่าความนิยมก็เป็นเหมือนฟองอากาศที่อาจจะสลายหายไปในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วผมจะทำยังไงล่ะในเมื่อผมไม่สามารถจัดการกับอดีตที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วได้

ถาม: แล้วอะไรคือเป้าหมายของคุณในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ล่ะ?

ซ็อก: ผมอยากแต่งงานกับนักแสดงฮอลลีวูดหญิง และเป็นพ่อที่ดีของลูก (หัวเราะ)

ถาม: เมื่อไม่นานมานี้คุณไปออกรายการ “Knee Drop Guru” ทอล์คโชว์ที่โด่งดังของเกาหลี ทำไมคุณถึงตัดสินใจไปร่วมรายการนี้ล่ะ?

ซ็อก: “จะเป็นยังไงนะถ้าผมไปออกรายการทอล์คโชว์ในช่วงนี้?” ความคิดนี้มันแว่บเข้ามาในหัวผมตอนที่ผมกำลังอาบน้ำที่ญี่ปุ่น อันที่จริงแล้วผมไม่ได้ออกรายการบันเทิงของเกาหลีมาหลายปีแล้ว ในขณะที่ผมเห็นตัวเองในรายการทีวีญี่ปุ่นแทบทุกวัน …ผมเป็นคนญี่ปุ่นหรือคนเกาหลีกันแน่?? การได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่นหรือแม้แต่การเป็นดาราชั้นนำ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกท้าทายเลย ในประเทศเกาหลี บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนักแสดงที่จะไปออกรายการบันเทิง เพราะมันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนักแสดง แต่หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ผมเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากและมีภาพลักษณ์ใหม่แล้ว บางทีผมคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอะไรแย่ๆ อีก ดังนั้นผมจึงมีแรงกระตุ้น ผมอยากจะพูดคุยถึงชีวิตของผม ทัศนคติของผม และความหมายของการครบรอบ 20 ปีในวงการบันเทิงของผมด้วยครับ

ถาม: แล้วคุณรู้สึกยังไงหลังจากที่ไปออกรายการทอล์คโชว์แล้ว?

ตอบ: พอใจมากครับ! เนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ ผมดูไป 15 รอบแน่ะผ่านทาง VOD (Video on Demand)

ถาม: แง่มุมไหนล่ะที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจ?

ซ็อก: ผมได้เผยให้ผู้ชมเห็นแง่มุมที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ชาวอินเตอร์เน็ตต่างก็แสดงความคิดเห็นหลังจากที่ได้ดูรายการแล้ว “อ่า จางกึนซ็อกเป็นคนแบบนี้เองเหรอ” ความเห็นนี้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมาก มันทำให้เห็นถึงความสามารถในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

ถาม: คุณพอจะจำความคิดเห็นของชาวอินเตอร์เน็ตได้บ้างมั๊ย?

ซ็อก: “เขาดูเด็กจริงๆ เลยอ่ะ” “ดูเหมือนฉันจะเข้าใจเขาผิดไปนะ” “เกลียดไม่ลงเลยเนี่ย” “ฉันตีความความรู้สึกที่แท้จริงของเขาผิดไป” “ต่อจากนี้ไปเขาน่ารักมากๆ !”

ถาม: ได้รับความเห็นในเชิงชื่นชมเยอะเลยสิ

ซ็อก: ครับ (หัวเราะ) (ผม) รู้สึกว่าคนทั่วไปไม่ได้รู้จักผมอย่างแท้จริง แต่พวกเขากลับตัดสินผมจากบทบาทที่ผมได้รับและข่าวลือต่างๆ

ถาม: มีหลายตอนในรายการที่ฉันรู้สึกประทับใจ โดยเฉพาะความคิดในเชิงบวก ตอนนี้คุณดูกระตือรือร้นที่จะหาเพื่อนนะ

ซ็อก: จริงๆ แล้ว มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ผมก็แค่รู้สึกเหงา ผมไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ เพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันสมัยมัธยมบางคนก็ไปอยู่เมืองนอก และคนอื่นก็ทำงานกันหมด มันยากที่จะได้เจอกันเดือนละครั้ง ผมก็เลยอยากจะผูกมิตรกับคนที่ผมจะสามารถดื่มไวน์ด้วยได้ ผมรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องเปิดใจแล้ว นั่นแหล่ะที่ทำให้ผมกระตือรือร้น ตราบใดที่ผมจริงใจ ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเปิดใจให้ผมได้ แต่ถ้าผมเป็นคนเปิดใจก่อน สุดท้ายพวกเขาก็จะปฏิบัติกับผมด้วยความจริงใจ ในหมู่ผู้ชายด้วยกันยังคงมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีระหว่างกันอยู่ โดยเฉพาะในหมู่ศิลปิน อาชีพนี้ทำให้ศิลปินกลายเป็นคนใจแคบ แต่ผมอยากเอาชนะตรงจุดนี้ ผมรู้สึกว่าเราสามารถคุยกันอย่างสบายๆ ได้ และด้วยความคิดแบบนั้น ผมจึงเข้าร่วมกิจกรรมที่ญี่ปุ่นและติดต่อกับผู้คนต่างๆ ตอนนี้ผมก็สนิทกับหลายคนแล้ว ผมคิดว่าบางอย่างอาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดหวัง แต่ถ้าคุณยื่นมือของคุณออกไปก่อน มันก็ไม่ได้ทำให้งานและเพื่อนๆ ของผมแย่ลงหรอก

ถาม: คุณมีโอกาสได้พบกับวง SMAP ด้วยใช่มั๊ย?

ซ็อก: พวกเขาเป็นวงที่ผมชื่นชอบตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากที่ได้โทรหาพี่ชายฮีโร่ของผม ถ้าผมตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ความฝันก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ดังนั้น ฮอลลีวูดก็จะเปิดประตูต้อนรับผม พอคิดได้อย่างนี้แล้วผมก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเลยครับ

ถาม: แล้ว SMAP เคยโทรหาคุณมั๊ย?

ซ็อก: ยังไม่เคยครับ ถึงผมจะเคยให้เบอร์มือถือพวกเขาไว้ แต่ผมก็ไม่อยากบังคับพวกพี่เขา แค่ใช้ความรู้สึก เราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว

ถาม: ไม่รู้ว่าพวกเขาจะโทรหาคุณหลังจากที่เห็นสัมภาษณ์นี้หรือเปล่านะ?

ซ็อก: ผมก็เคยให้สัมภาษณ์แบบนี้หลายครั้งแล้วนะ แต่พวกพี่เขาก็ยังไม่เคยโทรหาผม

ถาม: คุณเคยไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองโดยไม่มีบอดี้การ์ดรายล้อมรอบตัวคุณ มันยากมั๊ยในการเดินไปตามที่ต่างๆ?

ซ็อก: ไม่ยากเลย ผมสามารถดูแลตัวเองได้ พวกเขาจะบอกว่า เป็นยังไงล่ะที่ผมถูกถ่ายรูปและถูกแฟนคลับรุมล้อมน่ะ? สำหรับการถ่ายรูป มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถ้านั่นไม่ได้ทำร้ายผม แฟนคลับมักจะมารวมตัวกันเพื่อผม ผมก็มีหลักการของผมเหมือนกัน ผมจะพูดสวัสดีเพื่อทักทายพวกเขา ผมจะรู้สึกตื่นเต้นถ้ามีคนจำผมได้ “โอ๊ะ โอ๊ะ คุณจำผมได้ด้วย น่าแปลกจัง!” แล้วผมก็จะไปจับมือพวกเขา ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลย [Kate’s note: แกจะทำให้คนที่แกเดินไปจับมือช็อคน่ะสิเหม่ง ~]

ถาม: ทำไมคุณถึงอยากจะไปเที่ยวด้วยตัวเองล่ะ?

ซ็อก: ผมเพิ่งกลับมาจากภูเก็ต ประเทศไทยเมื่อวานนี้ มันเป็นวันหยุดพักครั้งแรกในปีนี้ ผมไปที่นั่นกับผู้จัดการของผม แต่ตลอดเวลาพวกเขาก็ยังปฏิบัติตัวกับผมในฐานะที่ผมเป็นศิลปิน ถึงแม้พวกเราจะสนุกสนานด้วยกัน แต่พวกเขาก็ยังพูดคุยกันถึงเรื่องงาน เลยรู้สึกไม่ค่อยเหมือนวันหยุดซักเท่าไหร่ จากนี้ไป ผมเลยรู้สึกว่าการเที่ยวด้วยตัวเองเป็นทางเลือกที่ดี ไปด้วยตัวเอง เที่ยวด้วยตัวเอง! คุณอาจจะสงสัยว่าแล้วผมจะทำอะไรล่ะ? ก็แค่อยากจะเดินเล่นน่ะ! มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับผมมันพิเศษมาก ผมอยากจะมีช่วงเวลาพิเศษๆ ที่ได้ใช้ร่างกายและจิตใจสัมผัสกับผู้คนและธรรมชาติ

ถาม: ฉันได้ข่าวมาว่าคุณกลับไปเรียนแล้วเหรอ?

ซ็อก: คลาสเรียนถูกเลื่อนขึ้นมา ในสัปดาห์แรก ผมก็เลยไปเที่ยวที่ภูเก็ต สัปดาห์ที่สองเป็นเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ผมก็เลยมาเริ่มเรียนเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ถ้าผมไม่ไปพบอาจารย์ของผม….. อาจารย์เป็นพระราชาอ่ะ (หัวเราะ) ผมจะตั้งใจเรียนเพื่อเก็บ 12 หน่วยกิตครับ

ถาม: ดูเหมือนคุณจะสนุกกับชีวิตในรั้วมหา’ลัยมากเลยนะ?

ซ็อก: แน่นอนครับ ชีวิตในรั้วมหา’ลัยเป็นขั้นตอนหนึ่งของชีวิต ผมไม่อยากให้มันผ่านไปอย่างไร้สาระ ผมจะไม่ยอมให้ตัวแทนของผมมาเข้าคลาสเรียนแทนผม เพราะผมไปเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้ ผมอยากเรียน และผมก็ได้พบเพื่อนดีๆ หลายคน การผ่านชีวิตในรั้วมหา’ลัยถึงจะพูดได้เต็มปากเรียนจบมหา’ลัย หลายคนอาจจะมามหา’ลัยเพียงเพื่อเล่นสนุกไปวันๆ สำหรับผม เล่นจริงแต่ก็ตั้งใจเรียนไปพร้อมๆ กันด้วยครับ

ถาม: คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องมาก คุณมีเคล็ดลับในการเรียนภาษาญี่ปุ่นมั๊ย?

ซ็อก: สังเกตดูคำที่เราไม่รู้จักอยู่ตลอด โน้ตคำศัพท์ที่เราอยากจะท่องจำไว้บนมือถือ มันจะทำให้คุณใช้คำศัพท์เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว และผมก็จะฟังบทสนทนาภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ

ถาม: ได้ยินว่าในปี 2011 นี้คุณมีผลงานเยอะมากเลยเหรอ?

ซ็อก: ผมวางตารางงานในครึ่งปีหลังเอาไว้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกแล้ว…….ไม่ว่าจะเป็นอารีน่าทัวร์ วีดีโออัลบั้ม ถ่ายหนัง และออกอัลบั้มใหม่ที่ญี่ปุ่น รวมถึงการออกอัลบั้มโปรโมทที่ประเทศจีน ใต้หวัน สิงคโปร์ในช่วงปลายเดือนกันยายน….งานเยอะจนหัวหมุนเลยครับ

ถาม: ดูเหมือนคุณใส่ใจในการดูแลร่างกายตัวเองนะ

ซ็อก: เมื่อก่อนนี้ผมไม่ได้สนใจร่างกายผมเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่คนหนึ่ง ผมก็เลยใส่ใจร่างกายผมมากขึ้น ผมจะทำการทดสอบ 6 เดือนครั้ง กินน้ำมันตับปลาฉลามน้ำลึก (squalene) และบิลเบอร์รี่ (bilberry) ทุกวัน บิลเบอร์รี่มีสารอาหารที่มีบำรุงสายตา ช่วงนี้สายตาผมแย่มาก ผมก็เลยกินมันทุกวัน ผมเกลียดความเสียใจเป็นอย่างมาก แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองต้องเสียใจ ตอนนี้ผมก็เลยให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพมากกว่าเมื่อก่อน

ถาม: สุดท้าย โปรดทักทายผู้อ่าน Cri-J หน่อยค่ะ

ซ็อก: เปรียบเทียบกับนิตยสารอื่นๆ แล้ว ผมยินดีที่จะสื่อสารสิ่งที่ผมต้องการพูดผ่านนิตยสารของตัวเองมากกว่านะ ไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ ผมก็จะรู้ได้ในภายหลัง ทบทวนดูจากฉบับที่ 1 และ 2 กับไอเดียที่ผมนำเสนอตัวเองไป และเพื่อที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น เราจึงเริ่มวางแผนและออกแบบฉบับต่อไปให้เร็วขึ้น โปรดติดตามดูในฉบับต่อไปนะครับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น