บทสัมภาษณ์พิเศษ จางกึนซอก ~ นิตยสาร TVnavi ฉบับเดือนสิงหาคม 2021

 




Source: TVnavi magazine issue 8, 2021
English Translation: eya / JKS FC in Taiwan
แปลไทยและเรียบเรียง: Kate K-Gang
www.jangkeunsukthailand.com

นับจากเสร็จสิ้นภารกิจในฐานะเจ้าหน้าที่บริการสาธารณะและปลดประจำการเมื่อเดือน พ.ค. 2020 จางกึนซอกได้หวนคืนวงการบันเทิงหลังจากห่างหายไปกว่า 3 ปี

นับตั้งแต่ซีรีย์ “You’re Beautiful” ออกอากาศในปี 2009 จางกึนซอกก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เอเชียปริ๊นซ์” ซึ่งบทบาทของเขาในซีรีย์เกาหลีก่อนหน้านั้นจะเป็นเด็กเรียนที่สุภาพเรียบร้อย แต่หลังจากรับบทเป็น “ซูเปอร์สตาร์” ก็ทำให้เขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และทลายภาพลักษณ์ก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น เขาสามารถไปออกรายการวาไรตี้โชว์ที่ญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องมีล่าม ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักแม้กระทั่งในหมู่คนที่ไม่ได้ดูละครเกาหลี ปี 2011 เขาเดบิ้วท์ซิงเกิ้ล “Let me cry” ที่ญี่ปุ่นและขึ้้นอันดับหนึ่งบน Oricon Chart จากนั้นก็มีผลงานละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง และจัดทัวร์คอนเสิร์ตมากมายแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รวมถึงคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม เป็นที่รู้กันดีว่าเขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา โน้มน้าวเก่ง และมีอารมณ์ขัน ในปี 2018 ต้นสังกัดได้ประกาศว่าเขาป่วยเป็นโรคไบโพลาร์และเขาก็เข้ากรมทันที หลังปลดประจำการจากกองทัพไม่นานนัก เขาได้กลับสู่โหมดการเป็นนักร้องอีกครั้ง เพลงใหม่ของเขาทั้ง “Star” และ “Emotion” ติดอันดับเพลงขายดีบนเว็บไซต์ หลังจากบทสัมภาษณ์ Yahoo! JAPAN ออกเผยแพร่ อัตราการคลิกก็ทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความนิยมของเขายังคงอยู่ในระดับแถวหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ในวันสัมภาษณ์ เป็นการสัมภาษณ์ทางไกลที่เชื่อมโยงโซลและโตเกียวไว้ด้วยกัน จางกึนซอกปรากฏตัวบนหน้าจอด้วยชุดลำลองเสื้อฮู้ดแขนกุดสีดำ

ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ! วันนี้มาในชุดกีฬาเลย

ผมเพิ่งไปออกกำลังกายมาน่ะครับ ช่วงเช้าผมจะไปยิมเป็นประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ถึงวัยที่ผมต้องทำอะไรแบบนี้แล้ว (หัวเราะ) ทำงานมาตั้งแต่ 5 ขวบก็เพิ่งค้นพบคุณค่าใหม่เอาตอนช่วงที่พักงานไปนี่แหล่ะครับ


รู้สึกยังไงบ้างคะที่ได้กลับมาเริ่มงานดนตรีอีกครั้งหลังจากห่างหายไปกว่า 3 ปี?

ผมไม่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาด แต่ถึงอย่างนั้นการออกอัลบั้มในเวลานี้ก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งตารอคอย ถึงแม้ผมจะอยากไปญี่ปุ่นมากแค่ไหน… แต่การเชื่อมต่อทางไกลแบบนี้ก็ทำให้ผมมีความสุขที่เรายังมีช่องทางในการสื่อสารกันได้อยู่ครับ

“Star” (ดิจิตอลซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาในเดือนมีนาคม 2021) เป็นเพลงที่แต่งขึ้นในช่วงที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องตารางงาน และทำเสร็จในเวลา 2-3 สัปดาห์ คอนเซปต์คือเรา (หมายถึงจางกึนซอกกับแฟนๆ) กำลังมองดวงดาวและเฝ้ารอภายใต้ท้องฟ้าผืนเดียวกัน ถ้าถามว่ายากมั๊ย ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เพราะผมแต่งเนื้อเพลงมาจากความรู้สึกของผมจริงๆ การให้แฟนๆ ที่รอคอยได้รับของขวัญจากผมเป็นไอเดียที่สำคัญที่สุดครับ

ส่วนซิงเกิ้ล “Emotion” (ปล่อยออกมาในเดือนพฤษภาคม 2021) เป็นผลงานที่แท้จริงของจางกึนซอกในวัย 35 ในฐานะนักร้อง เขาจะมีภาพลักษณ์แบบไหนและเติบโตขึ้นอย่างไร? ผมได้เตรียมคำตอบไว้แล้วครับเพื่อแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นที่ใส่ใจในคำถามเหล่านี้ ตอนนี้ผมทำงานหนักมากๆ! ถึงจะโพสต์ความเคลื่อนไหวให้แฟนๆ เห็นกันบ่อยๆ (ผ่านโซเชียลหรือเว็บไซต์ OFC) แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ นี่ก็ 3 ปีแล้วใช่ไหมครับ? พวกเขาอาจจะบอกว่า “จางกึนซอกเหรอ เขายังอยู่ใช่มั๊ย?” แต่ถ้าอัลบั้มนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่า “เขามีพัฒนาการดีขึ้นนะในช่วงเวลาที่หายไป” ก็คงจะดีไม่น้อยเลยครับ

เกือบ 2 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่บริการสาธารณะ เขามีความคิดว่า “ไม่ได้ร้องคาราโอเกะมาเป็นปีแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ เส้นเสียงจะเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ” ดังนั้นเขาจึงเริ่มเรียนร้องเพลงเป็นประจำหลังเลิกงาน ผ่านไป 1 ปีเขายังคงเรียนอยู่อย่างต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมา สมัยที่ยังเป็นวัยุร่น เขาสามารถเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยตัวเอง มันทั้งยากและต้องใช้ความบากบั่นอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ามาก เพราะในเพลง “Emotion” มีการใช้เสียงร้องแบบสบายๆ และเป็นอิสระมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพลงที่สมบูรณ์จะสามารถทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกอยากเต้น ทั้งโสตประสาทและหัวใจของฉันเหมือนเพลงป๊อปที่ล่องลอยไปตามสายลม มันเป็นเพลงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ผ่อนคลาย มีชีวิตชีวา และเป็นอิสระ เป็นเพลงที่สะท้อนความเป็นจางกึนซอกในตอนนี้ได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ

ถ้าเป็นเพลงที่จงใจเน้นว่า “จางกึนซอกกลับมาแล้ว!” คงทำให้ผมรู้สึกหนักใจนิดหน่อย เพราะงั้นเพลงคราวนี้ก็เลยให้ความรู้สึก “เต้นง่ายๆ ไปด้วยกัน ผ่อนคลายด้วยการสัมผัสและพูดคุยกันสบายๆ” (สำหรับแฟนๆ) มันรู้สึกเหมือน “คุณอยากเจอผมใช่มั๊ย?” (หัวเราะ) สิ่งเหล่านี้เป็นโลกทัศน์ที่ใหม่มากๆ สำหรับผม และผมก็อยากแสดงให้เห็นตัวตนของจางกึนซอกอย่างตรงไปตรงมาครับ

 

ตัวตนของจางกึนซอกหมายถึงยังไงคะ?
ตั้งแต่ผมเป็นดาราเด็กตอนอายุ 5 ขวบจนกระทั่งถึงตอนเกณฑ์ทหารในปี 2018 อาชีพนักแสดงของผมไม่เคยได้หยุดพักเลยครับ ทั้งถ่ายหนังที่เกาหลี บินไปจัดคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น แล้วก็บินกลับมาเล่นละครที่เกาหลี… เป็นแบบนี้วันแล้ววันเล่า ช่วง 2 ปีที่ผมเข้ากรม นับเป็นครั้งแรกที่อาชีพนักแสดงของผมอยู่ในภาวะว่างเปล่า ช่วงนั้นผมเฝ้าถามตัวเองว่า “จางกึนซอกจะทำอะไรได้บ้างเพื่อพัฒนาตัวเอง?” “ตัวฉันในตอนนี้กับตอนอายุ 20 ต่างกันยังไงนะ?” ผมใช้เวลาในการค้นหาคำตอบเหล่านี้ จิตใจของผมเริ่มสงบมากขึ้น และสามารถพิจารณาความรู้สึกของคนอื่นได้อย่างสงบมากขึ้นด้วย การคิดเรื่องเหล่านี้และการคิดถึงผู้อื่น ทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า “ฉันต้องถ่ายทอดความรู้สึกของฉันให้ผู้อื่นได้รับรู้” ก็เลยแต่งเพลง “Emotion” ขึ้นมาด้วยแนวคิดนี้ครับ

เทียบกับเมื่อก่อนนี้ ดูเหมือนว่าคุณจะเอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น ชีวิตรับราชการทหารทำให้จางกึนซอกนิ่งสงบได้ยังไงคะ?

ชีวิตในช่วงนั้นช่างแตกต่างกับชีวิตปัจจุบันของผมอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ผมไปทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าและกลับบ้านตอนดึก นับเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับผม แต่ละวันผมทำงานอย่างหนักและพยายามปรับตัวให้คุ้นเคยกับมัน ซึ่งผมก็ติดมาเป็นนิสัยนะครับ ตั้งแต่ปลดประจำการมา ผมตื่น 9 โมงเช้าและไปออกกำลังกายที่ยิมเป็นประจำ แม้จะยากในการสร้างให้เป็นนิสัย แต่การจัดการตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญมากและผมก็อยากทำอย่างต่อเนื่อง เพราะชีวิตของผม ผมต้องปกป้องด้วยตัวเองครับ

 

ชีวิตของคุณที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างคะ?

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผมจะไม่ได้นอนทั้งคืนจนกระทั่ง 9 โมงเช้า “เช้าแล้ว ได้เวลาต้องไปนอนแล้วสินะ” ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหล่ะครับ (หัวเราะ) เป็นเรื่องปกติมากสำหรับวงการบันเทิง เพราะแบบนี้สภาพร่างกายของผมจึงไม่ค่อยดีนัก แถมยังกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดด้วย แต่ตอนนี้ผมวางแผนชีวิตได้ดีแล้วครับ แต่ไหนแต่ไรมาผมใช้ไมโครโฟนในการร้องเพลง พูดคุย และแสดง ชีวิตของผมคือการส่งสาส์นไปยังผู้คนรอบตัว แต่หลังจากเกณฑ์ทหาร ผมได้พัฒนานิสัยการฟังผู้อื่นมากขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับผมในช่วงสามปีที่ผ่านมา ชีวิตของทหารคือเมื่อผู้บังคับบัญชาเรียกตัว เขาต้องตอบว่า “ครับ! ผมกำลังไปเดี๋ยวนี้ครับ!” การอยู่ในสภาวะแบบนั้นทำให้การฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูดกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่สุดในการเข้ากรมครับ

 

รู้สึกลำบากไหมคะกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้?

ถึงช่วงแรกจะรู้สึกว่ามันหนัก แต่คนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวได้ครับ ผมเคยปาร์ตี้ดื่มกับเพื่อนๆ จนถึงเช้า แต่หลังจากปลดประจำการ ถ้าต้องออกไปทานมื้อค่ำกับเพื่อนๆ ผมก็ต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืนครับ ผมจะตั้งเวลาไว้ที่มือถือ พอสัญญาณร้องเตือนผมจะยืนขึ้นและบอกกับทุกคนว่า “ฉันต้องกลับแล้วนะ” (หัวเราะ) ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร แต่พอผ่านไป 2-3 เดือนเขาจะปรับตัวได้เองตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่า 2 ปีนั้นจะมีความหมายกับผมมาก แต่ถ้ามีคนถามว่า “คุณอยากกลับไปเข้ากรมอีกครั้งไหม?” ตอบได้ทันทีเลยว่า “ไม่” (หัวเราะ) 2 ปีนั้นเติมเต็มชีวิตผมแล้วครับ (หัวเราะ)

 

คุณเผชิญหน้าด้วยตัวคุณเองจริงๆ และใช้ชีวิตอย่างดีเป็นเวลา 2 ปี

ถึงเวลาเล่น ผมก็เล่นจริงจังครับ… แต่ต้องก่อนเที่ยงคืนนะ (หัวเราะ)

 

นี่แหล่ะค่ะ! จางกึนซอกตัวจริงแน่นอน (หัวเราะ) ในฐานะที่เป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก คุณคิดว่าเส้นทางการเป็นนักแสดงของคุณมีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากเว้นช่วงไปไหมคะ?

ความรู้สึกที่เด่นชัดที่สุดหลังจากเกณฑ์ทหารก็คือทุกคนคือ​ “ตัวเอก” และทุกคนทำงานอย่างหนัก​ในหน้าที่ของตัวเองครับ​ ผมทำงานอยู่ในวงการ​บันเทิง​มาโดยตลอด​ ผมเป็น​ “ตัวเอก” อยู่​เบื้องหน้าทีมงานและได้รับกำลังใจจากแฟนๆ​ ตรงหน้า​เสมอ​ ผมคือ​ “เอเชียปริ๊นซ์” ผมรู้จักแต่ชีวิตแบบนี้ครับ​ แต่หลังจากเข้่ากรม​ ผมก็ตระหนัก​ได้​ว่า​คุณ​ลุง​ที่​นั่ง​ทำงานอย่างเคร่งเครียด​อยู่ข้าง​ๆ​ ผม​ ก็​เป็น​ “ตัว​เอก” เหมือน​กัน​ ทุกๆ​ วันเขาต้อง​ใช้ชีวิต​อย่างมุ่งมั่น​​ในตำแหน่ง​ที่ได้รับ​มอบหมาย​ เขาตื่นนอน​แต่เช้่า​เพื่อไปทำงาน​ตอน​ 8 โมง​ และกลับบ้าน​หลังจากทำงานอย่างขมักเขม้น​ เพราะเขาต้องปกป้องครอบครัว​ การได้เฝ้ามองชีวิต​แบบนี้​อย่าง​ใกล้ชิด​ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกคนคือตัวเอกในชีวิตของตัวเ​อง​ครับ

เมื่อก่อนนี้ทุกครั้งที่มีคนถามว่า “ถ้าคุณสามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้ง คุณอยากเกิดเป็นอะไร?” ผมก็จะตอบว่า “ถ้าได้เกิดใหม่อีกครั้ง ผมจะเกิดเป็นจางกึนซอกผู้นำเอาพลังมาใช้อย่างเต็มที่ในวงการบันเทิงนี้” แต่ตอนนี้ผมกลับคิดว่า ชีวิตในปัจจุบันผมได้รับกำลังใจมากมายจากแฟนๆ ถ้าผมสามารถเกิดใหม่ได้ ผมไม่เอาดีกว่า เพราะตอนนี้ก็โอเคอยู่แล้ว​ ผมจะเติบโตขึ้นและมอบกำลังใจให้กับแฟนๆ ผมคิดว่ายังไม่สายเกินไปหรอก​ จากนี้ไปผมจะปกป้องแฟนๆ​ ที่สนับสนุนผม ผมคิดแบบนี้ครับ

 

เนื้อร้องในเพลง “Star” บอก​ว่า​ “ฉันจะทำให้เธอส่องแสงดุจดั่งดวงดาว”

ใช่ครับ ผมเติบโตเป็นศิลปินที่ซื่อสัตย์มากขึ้น และนี่ก็เป็นเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งระหว่างผมกับแฟนๆ​ เวลาที่ผมได้ยินแฟนๆ​ บอกว่า “นี่เป็นเพลงของจางกึนซอกที่แต่งให้แฟนๆ​ ของเขา” ผมจะคิดว่า “ความรู้สึก​จริงๆ​ ของผม ได้ถูกถ่ายทอด​ออกไปแล้ว​ ผมมีความสุขมากครับ!” จริงๆ แค่นี้ผมก็พอใจแล้วนะครับ แต่แฟนๆ​ ทำให้เพลงนี้ติดอันดับดาวน์โหลดสูงสุด ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก เป็นความทรงจำที่มีความสุขมากครับ​ ถ้าโรคระบาดจบลงแล้วผมได้ไปร้องเพลง “Star” ที่ญี่ปุ่น หวังว่าผมจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแฟนๆ​ นะ (หัวเราะ)​ ผมจะเรียกคืนความรู้สึกตอนที่เขียนเพลงนี้ในช่วงเวลา 3 ปีที่เราไม่ได้พบกัน ถึงผมจะร้องไห้ แต่ผมก็จะปกป้องแฟนๆ​ ของผม… ผมจะไม่ร้องไห้ครับ ผมอยากร้องเพลงต่อหน้าทุกคนเร็วๆ​ จังครับ

 

เป็นการแสดงออกที่แมนมากๆ​ เลยค่ะ เพราะแบบนี้จางกึนซอกจึงได้รับความรักมากมายจากปลาไหล (เขาชอบทานปลาไหล เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงาน จึงตั้งชื่อแฟนคลับว่าปลาไหล) ยิ่งไปกว่านั้น พอฉันถามว่า “คุณคิดว่าเป็นแหล่งพลังงานและความกระตือรือร้นของคุณมาจากไหน” คำตอบของเขาทำให้เราสัมผัสได้ถึงสไตล์ของจางกึนซอกคนใหม่หลังปลดประจำการ

เมื่อก่อนนี้ ผมจะดูวีดีโอหรือดีวีดีคอนเสิร์ตของตัวเองที่บ้านเพื่อสะสมพลังงานเอาไว้แสดงต่อหน้าแฟนๆ แต่ทุกวันนี้ ด้วยสถานการณ์โรคระบาด ผมดู Netflix เพื่อศึกษาทั้งละครและคอนเสิร์ตต่างๆ ไม่เฉพาะแต่ผลงานของผมเองเท่านั้นนะครับ ผมดูทั้งผลงานของรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงเพื่อจดบันทึกในส่วนที่ผมพลาดไป… ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางหรือวิธีการแสดง มุมมองของผมเปิดกว้างมากขึ้น ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งให้ผมได้สัมผัสและเรียนรู้ การดูผลงานต่างๆ จึงเป็นทั้งแรงกระตุ้นและแหล่งพลังงานสำหรับผมครับ

 

การเปลี่ยนแปลงของคุณได้รับอิทธิพลมาจาก “การฟัง” ในช่วงเข้ากรมใช่ไหมคะ?

ถึงแม้ว่า “การฟัง” ในช่วงที่เป็นทหารจะเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ เพราะผมกลัวว่าจะพลาดในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง และตอนนี้ผม “สามารถฟังสิ่งที่ทุกคนพูด” ได้ ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างจากตัวผมในอดีต ก็คิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากตอนเข้ากรมนั่นแหล่ะครับ ผมไม่ได้บอกความต้องการของตัวเองฝ่ายเดียวแล้ว แต่ผมจะฟังและมองดูสิ่งต่างๆ มากขึ้น แล้วนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ ประสบการณ์จากการเป็นทหารสอนให้ผมไม่ทะนงตัวและให้ความสำคัญกับการฟังผู้อื่น บางทีพื้นฐานของผมที่เก่งในเรื่องเรียนรู้ได้ไวอาจจะเป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ก็ได้นะครับ

 

ได้ดูผลงานอะไรไปบ้างคะ?

ดูทุกอย่างเลยครับ อย่างเช่นคอนเสิร์ต BTS คุณรู้จักพวกเขาไหมครับ? (หัวเราะ) ในฐานะนักร้อง พวกเขามีความหมายมาก ถึงอย่างนั้นผมก็เฝ้าดูพวกเขาทั้งแบบส่วนตัวและบนโลกโซเชียล พวกเขามักจะลองวิธีใหม่ๆ ในการติดต่อสื่อสารกับแฟนๆ อยู่เสมอ ผมรู้สึกว่าพวกเขาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นี่คือเหตุผลว่าทำไม BTS ถึงเป็น BTS อย่างทุกวันนี้! นอกจากนี้ผมก็ดูวงอื่นๆ ด้วยครับ รวมถึงสังเกตทักษะการแสดงของนักแสดงหลายๆ คน และได้เรียนรู้ว่า “อ่า มีทักษะการแสดงแบบนี้ด้วยสินะ” ผมเรียนรู้ไปทีละอย่างๆ จนกลายเป็นแหล่งสะสมข้อมูลของผมเอง เรียกได้ว่าเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของผมในช่วงนี้ครับ!

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันในแบบทหารหรือในวงการบันเทิง เขาก็สัมผัสถึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างถ่องแท้ และนำไปผสมผสานจนกระทั่งสามารถคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ เขายังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายด้วยความคิดบวกและมุ่งมั่น จินตนาการได้เลยว่าบุคลิกลักษณะดังกล่าวจะช่วยผลักดันเขาไปสู่ฮันรยูสตาร์ระดับโลกได้ในอนาคต 

เห็นได้ชัดเลยว่าคุณเป็นดาราผู้โด่งดัง แล้วทำไมคุณถึงถ่อมตัวแถมยังมีความสามารถในการปรับได้ดีอีกด้วยคะ?

ผมไม่ใช่ดาราดังครับ ยังเป็นดาราน้องใหม่อยู่เลย (หัวเราะ) ผมคิดแบบนี้ครับ ถึงแม้ผมจะเดินอยู่บนถนนที่เป็นเส้นทางของผม แต่มันเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีรุ่นพี่เป็นคนเปิดเส้นทางใหม่ๆ ไว้ให้ ในทำนองเดียวกัน วง BTS และศิลปินเคป๊อปรุ่นใหม่ก็กำลังเดินผ่านเส้นทางที่ศิลปินรุ่นพี่เคยเดินมาก่อน และบางคนก็กำลังเฉิดฉายอยู่บนเส้นทางใหม่ๆ ดังนั้น ถ้าศิลปินรุ่นน้องค้นพบเส้นทางใหม่ พวกเขาก็จะกลายเป็นรุ่นพี่บนเส้นทางนั้น ด้วยเหตุนี้ ศิลปินรุ่นพี่ก็จะกลายเป็นน้องใหม่บนเส้นทางใหม่เหล่านั้น นี่คือวิธีรักษาสมดุลของวงการนี้ครับ

ดูเหมือนว่าจางกึนซอกที่เรียกตัวเองว่าน้องใหม่ กำลังเผยให้เห็นเส้นทางสายใหม่ของเขาในวงการบันเทิงค่ะ.

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น